7 วัดดัง ใกล้โครงการบ้านพระราม2 เอกชัย และบางบอน

เอาใจสายบุญที่ชอบไหว้พระกับ 7 วัดดัง ใกล้โครงการบ้านพระราม2 เอกชัย และบางบอน ของ Lalin property

          เอาใจสายบุญที่ชื่นชอบการไหว้พระ และหาสถานที่เสริมบุญบารมี วันนี้ทาง Lalin property  จึงได้รวบรวมเอา 7 วัดดังน่าเที่ยวที่ใกล้โครงการบ้านพระราม2 เอกชัย และบางบอน มาให้สายบุญได้เลือกกันแบบจุใจ ซึ่งแต่ละวัดก็มีศิลปวัฒนธรรมความสวยงามที่แตกต่างกันไป โดยวัดทั้ง 7 วัด ก็ยังเหมาะสำหรับการไปขอพร ทำบุญ ทำให้จิตใจสงบ อีกทั้งยังใช้เวลาเดินทางไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อีกด้วย

วัดบางบอน

ขอบคุณภาพจาก : https://travel.trueid.net/detail/KEy22ZwVGgLj

          วัดบางบอนหรือวัดตาเฉย สร้างขึ้นมาในปี พ.ศ.2453 ช่วงปลายรัชกาลที่ 5 เข้ามาสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เหตุผลที่สร้างวัด คือก่อนหน้านี้บริเวณของชุมชนบางบอนไม่มีวัด แต่เพื่อประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา จึงมีคุณตากับคุณยายคู่นึงชื่อ คุณตาเฉยกับคุณยายกัน เปียธัญญา ได้บริจาคที่ดินประมาณ 3 ไร่ เพื่อเป็นพื้นที่ในการจัดสร้างวัดบางบอนขึ้นมา และมีการจัดสร้างสำนักสงฆ์ โดยคุณตาเฉยและคุณยายกัน เปียธัญญานั้น ได้ถวายบ้านไม้ 2 หลัง เพื่อทำการสร้างกุฏิพระ ต่อมาก็สร้างโบสถ์เป็นไม้เล็ก ๆ เพื่อใช้ประกอบกิจกรรมทางศาสนา หลังจากนั้นคุณตาเฉยจึงได้นิมนต์ พระอาจารย์เจริญ ปติสโส แห่งวัดอัปสรสวรรค์อำเภอภาษีเจริญ มาที่วัดบางบอน เพื่อเป็นพระสงฆ์นำประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา และต่อมามีผู้ศรัทธาร่วมกันบริจาคทรัพย์จัดสร้างโบสถ์หลังใหม่ขึ้นมาเป็นปูนดูสวยงาม ด้วยเหตุผลนี้ทางวัดจึงได้ประกอบพิธีหล่อองค์พระพุทธรูปให้เป็นองค์พระประธานในโบสถ์ ซึ่งครั้งนั้นได้จัดพิธีหล่อองค์พระพุทธรูป ณ วัดราชโอรสาราม เขตจอมทองกรุงเทพฯ ในปี พ.ศ.2459 โดยมีหลวงปู่เอี่ยมหรือท่านพระครูภาวนาโกศลเถระ แต่ชาวบ้านในชุมชมเรียกท่านว่า “หลวงปู่เฒ่า วัดหนัง” สั้น ๆ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ

          สำหรับการประกอบพิธีหล่อองค์พระประธานวัดบางบอนหรือวัดตาเฉย โดยให้ช่างทำการถอดแบบมาจากหลวงพ่อเกษรวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ จังหวัดกรุงเทพฯ เมื่อหล่อแล้วเสร็จจึงเรียกหลวงพ่อเกษร แล้วอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ วัดบางบอนหรือวัดตาเฉยในปี พ.ศ.2460 ถึงอย่างไรก็ตามพระนามองค์หลวงพ่อเกษรคือ “พระบรมศรีสุคตอุดมพรตชินกุลพุทธบรมพิตร” แต่ชาวบ้านเรียก “หลวงพ่อเกษร” หลังจากนั้นคณะสงฆ์ได้ทำการทำหนังสือเพื่อขอพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงโปรดฯ พระราชทานวิสุงคามสีมาในปี พ.ศ.2460 เป็นชื่อวัดบางบอน (ตาเฉย) เพื่อรำลึกถึงตาเฉยผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาบริจาคที่ดินให้สร้างวัดบางบอน ซอยเอกชัย 119 ถนนเอกชัย เขตบางบอนกรุงเทพฯ

โดยวัดบางบอนนั้น ยังใกล้โครงการบ้านลลิล กรีนวิลล์ พระราม2 – เอกชัย ระยะทางในการเดินทางจากโครงการบ้านไปยังวัดบางบอนนั้น เพียงแค่ 2.4 กิโลเมตร ส่วนระยะเวลาในการเดินทางจากโครงการบ้านไปยังวัดบางบอนนั้นก็ไม่เกิน 10 นาที

เส้นทางการเดินทางจากโครงการบ้านลลิล กรีนวิลล์ พระราม2 – เอกชัย ไปยังวัดบางบอน

บ้านลลิล กรีนวิลล์ พระราม2 – เอกชัย >> https://goo.gl/maps/XJ65r5yp1GNC3UuZA

วัดโคกขาม


ขอบคุณภาพจาก : https://travel.trueid.net/detail/nlM55Pw2xQNl

       วัดโคกขาม เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร โดยวัดโคกขามนั้นเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาราว ๆ ช่วงปี พ.ศ.2222 ซึ่งมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระอุโบสถหลังเก่า ด้านหน้ามีพระเจดีย์เก่าที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซม สถาปัตยกรรมการก่อสร้างศิลปะแบบอยุธยา ลวดลายการแกะสลักไม้ที่หน้าบันนั้นงดงาม นอกจากนั้นที่วัดนี้ยังเก็บโบราณวัตถุที่เป็นงานศิลปกรรมในสมัยอยุธยาตอนปลายที่โดดเด่น โดยมีการเล่าขานกันว่าเกี่ยวพันกับเรื่องของพันท้ายนรสิงห์ไว้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อสัมฤทธิ์ หรือพระพุทธสิหิงค์องค์ที่ 4 โดยพบที่วัดโคกขาม จังหวัดสมุทรสาคร เป็นพระพุทธรูปในศิลปะสมัยอยุธยา มีจารึกพบที่ฐานพระพุทธรูประบุอย่างชัดเจนว่าชื่อพระพุทธรูปองค์นี้ คือ “พระพุทธสิหิงค์” ความในจารึกกล่าวว่า “พ.ศ.2232 พระสากับเดือน 1 กับ 25 วันพฤหัสบดี ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเมีย โทศก พระญาณโชตได้ถาปนาพระสิหิคะองค์นี้ เป็นทอง 37 ชั่ง ขอเป็นปัจจัยแก่นิพาน” ซึ่งปี พ.ศ.2232 นั่นตรงกับราชกาลสมเด็จพระราชา (ครองราชย์ปี พ.ศ.2231 – 2246) อีกทั้งยังมีชิ้นส่วนของเรือพระที่นั่งเอกชัย และศาลเพียงตาของเดิม 

       หลวงพ่อสัมฤทธิ์นั้น เป็นพระพุทธสิหิงค์อันเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสมุทรสาครซึ่งในประเทศไทย โดยมีพระพุทธสิหิงค์เพียง 4 องค์เท่านั้น และหนึ่งในนั้นประดิษฐานที่วัดโคกขามแห่งนี้ โดยตัวองค์พระเป็นพระพุทธรูปเชียงแสนยุคต้น อายุเก่าแก่ประมาณ 300 ปี มีพุทธลักษณะอิ่มเอิบที่ทุกคนสัมผัสได้ซึ่งสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมืองอีกด้วย

       อีกทั้งยังใกล้โครงการบ้านลลิล อินเดอะพาร์ค พระราม2 – เอกชัย โดยระยะทางนั้นเพียงแค่ 14.5 กิโลเมตร ส่วนระยะเวลาในการเดินทางจากโครงการบ้านไปยังวัดโคกขามนั้นเพียงแค่ 23 นาทีเท่านั้น

เส้นทางการเดินทางจากโครงการบ้านลลิล อินเดอะพาร์ค พระราม2 – เอกชัย ไปยังวัดโคกขาม

บ้านลลิล อินเดอะพาร์ค พระราม2 – เอกชัย >> https://goo.gl/maps/FxGYr4bUm4m3HP1e6

วัดสีสุก

 

ขอบคุณภาพจาก : https://travel.trueid.net/detail/BPnZNolV0YjP

       วัดสีสุก นั้นอยู่ในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย โดยสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2420 บนพื้นที่ 4 ไร่เศษ โดยนายสี และนางสุก ศรีมาก เป็นผู้ถวายที่ดิน และดำเนินการสร้างวัดขึ้น โดยแรกเริ่มได้อุทิศบ้านของตนเองสร้างเป็นกุฏิสงฆ์ และต่อมาได้สร้างอุโบสถขึ้นมา แล้วตั้งชื่อวัดว่า “วัดสีสุก” เพื่อเป็นเกียรติ อนุสรณ์และศักดิ์ศรี แก่สามีภรรยาผู้ที่สร้างวัดขึ้นมา โดยมีอธิการเบื่อเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ต่อมาได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ครั้งแรกเมื่อประมาณปี พ.ศ.2509 และครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ.2509 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 11 เมตร ยาว 28 เมตร 

       วัดนี้เป็นอีกหนึ่งในโครงการพลัง “บวร” บ้าน วัด โรงเรียน โดยวัดได้ยึดนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ โดยใช้พื้นที่วัดเท่าที่จำเป็น โดยที่เหลือได้บริจาคให้สร้างโรงเรียนต่าง ๆ เพื่ออนาคตลูกหลานของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกเดียวกับวัดสีสุก โดยวัดได้บริจาคพื้นที่ของวัด เพื่อสร้างโรงเรียนวัดสีสุก เป็นโรงเรียนประถมศึกษา และเมื่อปี พ.ศ.2517 ในสมัยพระครูสุกิจวรวัฒน์ (ชิต ปุสฺโส) ได้บริจาคพื้นที่อีก 10 ไร่ เพื่อสร้างโรงเรียนบางมดวิทยา เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษา โดยเริ่มเปิดทำการสอนเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2518 นอกจากนี้ทางวัดยังได้บริจาคที่ดินเพื่อสร้างศูนย์สาธารณสุข เป็นศูนย์ผดุงครรอนามัยอีกด้วย อีกทั้งยังใกล้โครงการบ้านบุรีรมย์ พระราม2 – เอกชัย โดยระยะทางนั้นเพียงแค่ 14 กิโลเมตร ส่วนระยะเวลาในการเดินทางจากโครงการบ้านไปยังวัดโคกขามนั้น ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีก็ถึงที่วัดสีสุกแล้ว

เส้นทางการเดินทางจากโครงการบ้านบุรีรมย์ พระราม2 – เอกชัย ไปยังวัดสีสุก

บ้านบุรีรมย์ พระราม2 – เอกชัย >> https://goo.gl/maps/FxGYr4bUm4m3HP1e6

วัดใหญ่จอมปราสาท

 

ขอบคุณภาพจาก : http://www.visitsk.org/?p=9612, https://www.wongnai.com/photos/

     วัดใหญ่จอมปราสาท ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าจีน อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 400 ปี ซึ่งคาดว่าน่าจะสร้างขึ้นตั้งแต่อยุธยา ในสมัยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ โดยชื่อวัดเดิมนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานนามว่า วัดใหญ่สาครบุรี รวมทั้งได้พระราชทานพระไตรปิฎก และยกฐานะเป็นพระอารามหลวงอีกด้วย แต่ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดใหญ่จอมปราสาท โดยภายในวัดมีโบราณสถานที่สำคัญ ทั้งพระวิหารเก่าแก่ที่ก่ออิฐถือปูนฐานโค้งคล้ายท้องเรือสำเภา บริเวณซุ้มประตูและหน้าต่าง มีการประดับลวดลายปูนปั้น นอกจากนี้ยังมีการแกะสลักไม้ที่บานประตูและหน้าต่างของพระอุโบสถ เป็นลวดลายของพันธุ์พฤกษา ต้นไม้ ภูเขา รูปสัตว์ และรูปคน ในศิลปะแบบจีน ซึ่งเป็นลวดลายแกะสลักลึกเข้าไปในเนื้อไม้ที่งดงามมาก โดยกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนให้วัดนี้เป็นโบราณสถานของชาติเมื่อวันที่ 27 กันยายน ปี พ.ศ.2479

     ความโดดเด่นของวัดใหญ่จอมปราสาทจะอยู่ที่ พระอุโบสถ มีบานประตูไม้ที่แกะสลักลึกเข้าไปในเนื้อไม้ถึง 4 ชั้น ทำให้มองดูแล้วคล้ายภาพสามมิติที่วิจิตรและงดงามมาก ๆ โดยมีบานประตูบานหนึ่งแกะเป็นลวดลายเถาดอกไม้ ใบไม้ สัตว์ต่าง ๆ ส่วนอีกบานจะแกะสลักเป็นรูปป่าสนจีน ที่มีลักษณะคล้ายต้นจากและต้นมะพร้าว ภายในพระอุโบสถจะประดิษฐานพระพุทธรูป ที่เป็นศิลปะในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยด้านบนเพดานและขื่อจะมีลวดลายเขียนสีเป็นรูปดอกไม้และลายประจำยาม เป็นอีกวัดแห่งประวัติศาตร์ของไทยที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ และสวยไม่แพ้วัดในจังหวัดอื่น ๆ เลย เรียกได้ว่าเป็นทั้งวัด ทั้งโบราณสถานที่สำคัญ ใครที่ได้แวะเวียนกันมาที่สมุทรสาคร อย่าพลาดที่จะแวะมามาไหว้พระ กราบสักการะที่วัดวัดใหญ่จอมปราสาท 

     อีกทั้งยังใกล้โครงการบ้านลลิล อินเดอะพาร์ค พระราม2 – เอกชัย โดยระยะทางก็ไม่ไกล ใช้เวลาในการเดินทางจากโครงการบ้านลลิล อินเดอะพาร์ค พระราม2 – เอกชัย ไปยังวัดใหญ่จอมปราสาทนั้น ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที

เส้นทางการเดินทางจากโครงการบ้านลลิล อินเดอะพาร์ค พระราม2 – เอกชัย ไปยังวัดใหญ่จอมปราสาท

บ้านลลิล อินเดอะพาร์ค พระราม2 – เอกชัย >> https://goo.gl/maps/WF8Cwf9YBMroQEQa7

วัดสุทธิวาตวราราม

 

ขอบคุณภาพจาก : http://www.visitsk.org/?p=10895

          วัดสุทธิวาตวราราม หรือวัดช่องลมนั้น ตั้งอยู่ตรงปากอ่าวสมุทรสาคร ตำบลท่าฉลอม ตรงข้ามกับตัวเมือง เดินทางโดยทางหลวงหมายเลข 35 เลี้ยวซ้ายบริเวณกิโลเมตรที่ 35 เข้าถนนสุทธิวาตวิถีประมาณ 3 กิโลเมตร โดยวัดสุทธิวาตวราราม (วัดช่องลม) เป็นวัดที่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองสมุทรสาครที่มีอายุเกือบ 200 ปี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตยกวัดช่องลมเป็นพระอารามหลวง เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ.2508 ปัจจุบันไม่เพียงเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างเท่านั้น ทำเลที่ตั้งของวัดยังเป็นจุดชมทัศนียภาพปากอ่าวอันสวยงาม ซึ่งมาพร้อมกับบรรยากาศเย็นสบายจากสายลมที่พัดผ่านตลอดทั้งวัน มีพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติที่พระองค์เคยเสด็จพระราชดำเนินมายังตำบลท่าฉลอม และทรงตั้งให้เป็นสุขาภิบาลแห่งแรกของไทย วิหารหลวงปู่แก้ว ภายในประดิษฐานรูปหล่อเหมือนของหลวงปู่แก้ว (พระราชสาครมุนี) อดีตเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาครและเจ้าอาวาสวัดช่องลม ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้สักการะ หลวงพ่อหินแดง พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ที่มีศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย ซึ่งสร้างจากศิลาแลงทั้งองค์ และประดิษฐานอยู่ในโบสถ์ โดยมีลักษณะพิเศษอยู่ที่พระหัตถ์ข้างซ้ายมี 6 นิ้ว จึงเป็นที่มาของชื่อ “หลวงพ่อหินแดง 11 นิ้ว” นั่นเอง

          อีกทั้งยังใกล้โครงการบ้านลลิล อินเดอะพาร์ค พระราม2 – เอกชัย โดยระยะทางก็ไม่ไกล โดยใช้เวลาในการเดินทางจากโครงการบ้านลลิล อินเดอะพาร์ค พระราม2 – เอกชัย ไปยังวัดสุทธิวาตวราราม (วัดช่องลม) ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที

เส้นทางการเดินทางจากโครงการบ้านลลิล อินเดอะพาร์ค พระราม2 – เอกชัย ไปยังวัดสุทธิวาตวราราม (วัดช่องลม) 

บ้านลลิล อินเดอะพาร์ค พระราม2 – เอกชัย >> https://goo.gl/maps/WF8Cwf9YBMroQEQa7

วัดโกรกกราก

 

ขอบคุณภาพจาก : https://www.google.com.sa/travel/entity/key/

       วัดโกรกกราก เป็นอีกวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน อยู่ในตำบลโกรกกราก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร โดยรวมอายุกว่า 200 ปีมาแล้ว นับว่าเป็นวัดที่มีความสำคัญในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 อย่างมากเลยทีเดียว เพราะเรือพระที่นั่งเคยได้มาจอดเทียบท่าที่วัดโกรกกราก ครั้งเสด็จประพาสต้นจากบางปะอินไปเพชรบุรี แต่ไม่ปรากฏว่าสร้างมาตั้งแต่เมื่อใด เพียงปรากฏชื่อวัดครั้งแรกในพงษวดารสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพที่เล่าถึงเหตุการณ์ ที่รัชกาลที่ 5 มาจอดเทียบท่าวัดโกรกกรากเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าสนใจและเป็นไฮไลท์ของวัดโกรกกรากอย่างมากก็คือ พระประธานในอุโบสถที่สวมแว่นดำ โดยจะเป็นพระพุทธรูปศิลาแลงปางมารวิชัยอายุกว่า 100 ปี ที่สวมแว่นดำ ซึ่งมีความเชื่อกันว่า เคยมีผู้มาบนบานให้อาการบาดเจ็บที่ดวงตาหายขาด แล้วจึงถวายแว่นดำเป็นการแก้บน จากนั้นองค์พระพุทธรูปเลยสวมแว่นไว้ตลอดนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทำให้จากนั้นก็มีแต่คนนิยมนำแว่นตาดำมาถวายกันเป็นจำนวนมาก โดยจริง ๆ แล้วก่อนที่จะมาเป็นแว่นตาดำนั้น ผู้ที่มาบนบานได้บนไว้ว่าถ้าตาหายเจ็บหายแดงแล้ว จะนำแผ่นทองมาปิดที่ดวงตาขององค์พระศิลาแลง ซึ่งผลก็ปรากฏว่าตาหายแดง ชาวบ้านเลยได้นำแผ่นทองมาปิดที่ตาขององค์พระศิลาแลงเต็มไปหมด แต่หลังจากที่พระครูธรรมสาคร ญาณวฒโน หรือหลวงปู่กรับ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส มาเห็นเข้าเลยสร้างอุบาย เพื่อที่จะไม่ให้ญาติโยมมาปิดทองที่ดวงตาขององค์พระศิลาแลง เลยนำแว่นตามาใส่ให้กับองค์พระศิลาแลง ทำให้หลังจากนั้นองค์พระศิลาแลงก็เลยใส่แว่นตาแทน หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็เลยมีการนำแว่นตามาถวายแทนการปิดทองที่ดวงตา อีกทั้งมีการขนานนามท่านว่า หลวงพ่อปู่ อีกด้วย ซึ่งวัดโกรกกรากนั้น ถือได้ว่าเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์มาก และห้ามพลาดเมื่อมาท่องเที่ยวในจังหวัดสมุทรสาครอีกด้วย

       อีกทั้งยังใกล้โครงการบ้านบุรีรมย์ พระราม2 – เอกชัย โดยระยะทางก็ไม่ไกล โดยใช้เวลาในการเดินทางจากโครงการบ้านบุรีรมย์ พระราม2 – เอกชัย ไปยังวัดโกรกกรากนั้นก็ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที

เส้นทางการเดินทางจากโครงการบ้านบุรีรมย์ พระราม2 – เอกชัย ไปยังวัดโกรกกราก 

บ้านบุรีรมย์ พระราม2 – เอกชัย >> https://goo.gl/maps/yyJuzwWHDJ1VCgn57

ศาลพันท้ายนรสิงห์

 

ขอบคุณภาพจาก : https://horoscope.trueid.net/detail/27MjzvjAAlr3

     ศาลพันท้ายนรสิงห์ ตั้งอยู่บริเวณปากคลองโคกขาม ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความซื่อสัตย์แก่พันท้ายนรสิงห์ผู้ซึ่งเป็นนายท้ายเรือที่จงรักภักดีผู้ที่ยอมรับโทษประหารชีวิตเพื่อรักษาระเบียบแบบแผนราชประเพณีตามกฏมณเฑียรบาลในสมัยอยุธยา เชื่อว่าเป็นศาลพันท้ายนรสิงห์ที่เก่าแก่ที่สุด และเป็นจุดที่เชื่อว่าพันท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิต ตัวศาลเดิมนั้น ได้ผุพังไปตามกาลเวลา และถูกน้ำกัดเซาะตลิ่ง จึงได้มีการสร้างใหม่ อีกทั้งยังมีศาลในลักษณะเป็นศาลเพียงตาที่มีขา 6 ขา ที่ตั้งอยู่หน้าตัวศาลใหญ่ สร้างโดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล เมื่อปี พ.ศ.2493 จากการที่ได้สร้างภาพยนตร์เรื่องพันท้ายนรสิงห์ในปีเดียวกัน รูปเคารพพันท้ายนรสิงห์ในศาลแห่งนี้ สร้างขึ้นจากไม้จันทร์หอม ขนาดเท่าคนจริงอยู่ในท่าถือท้ายคัดเรือ เป็นที่พึ่งทางใจ และเป็นที่นับถือของชาวบ้านอย่างมาก ชาวบ้านนิยมมาขอพรแล้วเมื่อสำเร็จ ก็แก้บนด้วยนวมชกมวย ไม้พายเรือ หรือรูปปั้นไก่แก้ว เพราะตามประวัติแล้ว ท่านชอบชกมวยและตีไก่

     เมื่อพูดถึงพันท้ายนรสิงห์ นั้นเป็นนายท้ายเรือพระที่นั่งเอกไชยอยู่ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ ได้รับยกย่องว่าเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดี และรักษาระเบียบวินัยยิ่งชีวิต วันหนึ่งสมเด็จพระเจ้าเสือประพาสปากน้ำสาครบุรีเพื่อทรงเบ็ด ด้วยเรือพระที่นั่งเอกไชยมีพันท้ายนรสิงห์เป็นนายท้าย เมื่อเรือพระที่นั่งถึงบริเวณคลองโคกขาม คลองคดเคี้ยวมาก พันท้ายนรสิงห์พยายามคัดท้ายเรือพระที่นั่งอย่างระมัดระวังแต่ไม่อาจหลบเลี่ยงอุบัติเหตุได้ ทำให้หัวเรือพระที่นั่งชนกิ่งไม้ใหญ่หักตกลงไปในน้ำเหตุให้หัวเรือชนกิ่งไม้ใหญ่ริมคลองโคกขาม เป็นเหตุให้โขนเรือหักตกลงในน้ำ พันท้ายนรสิงห์รู้ว่าความผิดครั้งนี้ถึงประหารชีวิตตามโบราณราชประเพณี ซึ่งกำหนดว่า “ถ้าผู้ใดถือท้ายเรือพระที่นั่งให้หัวเรือพระที่นั่งหัก ผู้นั้นถึงมรณะโทษให้ตัดศีรษะเสีย” จึงกราบบังคมทูลพระเจ้าเสือให้ประหารชีวิตตามกฎมณเฑียรบาล พระเจ้าเสือทรงจำฝืนพระทัยตามพระราชกำหนดที่วางไว้จึงมีรับสั่งให้ประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์  และให้ทำศาลขึ้นสูงเพียงตา แล้วนำศีรษะพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระที่นั่งเอกชัยที่หักขึ้นพลีกรรมไว้บนศาล เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่แสดงถึงความซื่อสัตย์จงรักภักดี แต่ก็มีอีกประวัติหนึ่งซึ่งกล่าวไว้ว่า เหตุที่จริงแล้วพันท้ายนรสิงห์รู้ว่ามีกบฏต้องการปลงพระชนม์สมเด็จพระเจ้าเสือจึงนำเรือเข้าไปในน้ำที่คดเคี้ยวเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กบฏมาถึงตัวสมเด็จพระเจ้าเสือได้ แต่ไม่ว่าประวัติศาสตร์จะเป็นอย่างไร พันท้ายนรสิงห์ก็ได้ชื่อว่า เป็นบุคคลผู้ที่มี ความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดี ยิ่งชีพ

     ศาลพันท้ายนรสิงห์นี้ ผู้คนนิยมมาขอพร ให้ประสบผลสำเร็จ ซึ่งหลายคนก็ได้ผลตามนั้น จึงนิยมนำรูปปั้นไก่ และไม้พายเรือมาแก้บน ด้านล่างของศาลมีเรือไม้ ซึ่งทำจากไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ คาดว่ามีอายุกว่า 300 ปี ชาวบ้านในตำบลพันท้ายนรสิงห์ เป็นผู้ขุดพบ และนำมาบริจาคไว้ที่ศาลพันท้ายฯ โดยชาวบ้านในแถบนี้เชื่อว่า อาจเป็นเรือในขบวนเสด็จ หรือเรือที่ใช้ลำเลียงทหารในอดีต และด้านหลังของศาลก็จะมีหลักประหารเดิม และมีหุ่นจำลองเหตุการณ์ในครั้งนั้นให้ได้ดูด้วย

     อีกทั้งยังใกล้โครงการ Lalin Town Lio วงแหวนฯ – พระราม2 โดยระยะทางเพียงแค่ 6.5 กิโลเมตรเท่านั้น และยังใช้เวลาในการเดินทางจากโครงการLalin Town Lio วงแหวนฯ – พระราม2  ไปยังศาลพันท้ายนรสิงห์นั้นก็ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที

เส้นทางการเดินทางจากโครงการ Lalin Town Lio วงแหวนฯ – พระราม2  ไปยังศาลพันท้ายนรสิงห์

Lalin Town Lio วงแหวนฯ – พระราม2  >> https://goo.gl/maps/S4vwVk1zFJSMbZD57

          จากการรวบรวม 7 วัดดัง ที่ใกล้กับโครงการบ้านของ Lalin Property โดยวัดทั้ง 7 วัดนี้ก็ยังอยู่ใกล้กับโครงการของ Lalin property มากถึง 3 โครงการกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นโครงการบ้านลลิล กรีนวิลล์ พระราม2 – เอกชัย, โครงการบ้านลลิล อินเดอะพาร์ค พระราม2 – เอกชัย และโครงการบ้านบุรีรมย์ พระราม2 – เอกชัย หากวันหยุดนี้ยังไม่มีแพลนไปไหน สามารถเดินทางไปทำบุญ ขอพร หรือจะแวะชมโครงการบ้านเดี่ยวสวย ๆ จาก Lalin property กันได้เลย สำหรับท่านใดที่สนใจ และกำลังมองหาบ้าน และทาวน์โฮมนั้น สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการอื่น ๆ ได้ที่ www.lalinproperty.com/

 

ลงทะเบียนโครงการที่สนใจเพื่อรับสิทธิแต่ละโครงการ หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมแต่ละโครงการได้

บ้านลลิล กรีนวิลล์ พระราม2 – เอกชัย ราคาบ้านเริ่มต้น 6.49 ล้าน*

บ้านลลิล อินเดอะพาร์ค พระราม2 – เอกชัย ราคาบ้านเริ่มต้น 5.29 ล้าน*

บ้านบุรีรมย์ พระราม2 – เอกชัย ราคาบ้านเริ่มต้น 4.29 ล้าน*

Lalin Town Lio วงแหวนฯ – พระราม2 ราคาทาวน์โฮฒเริ่มต้น 2 ล้าน*